
จุดเริ่มต้นของฟองสบู่นี้ :
ย้อนกลับไปในปี 1711 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศอังกฤษได้มีการทำสงครามกับสเปน จึงทำให้รัฐบาลอังกฤษต้องไปกู้เงินมาเพื่อทำสงคราม จนทำให้มีหนี้สินเป็นจำนวนมหาศาล และนั่นจึงกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้ บริษัท South Sea Company (ที่จริง ๆ ได้ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อทำธุรกิจในแถบทะเลใต้) ได้เสนอตัวจะรับผิดชอบหนี้ให้กับรัฐบาล ด้วยการนำหุ้นของบริษัทไปชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ของรัฐบาล เพื่อแลกกับการที่บริษัทจะได้รับสัมปทานการผูกขาดการค้า ทั้งหมดในแถบทะเลใต้ จากรัฐบาล (ซึ่งในช่วงเวลานั้น การเดินเรือค้าขายกับต่างประเทศ ถือเป็นช่องทางในการสร้างกำไรเป็นจำนวนมากให้กับธุรกิจ ) โดยในปี1713 บริษัทได้ซื้อหนี้ของรัฐบาลเพิ่ม 10 ล้านปอนด์ จากนั้นอีกสามปีต่อมาก็ซื้อเพิ่มอีก 2 ล้านปอนด์ และในปี 1719 ก็ซื้อหนี้เพิ่มอีกถึง 31 ล้านปอนด์ จนทำให้บริษัท South Sea กลายเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของรัฐบาลอังกฤษ
ฟองสบู่เริ่มก่อตัว :
หลังจากที่บริษัทได้รับสัมปทานมา ยอดขายกลับไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็น แต่หุ้นของบริษัทกลับทะยานพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
เพราะในขณะนั้น ผู้คนต่างให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้น ตัวนี้ จึงเกิดเป็นฟองสบู่ ราคาหุ้นของบริษัท เพิ่มจาก ไม่กี่ 10 ปอนด์ จนกลายไปเป็น 1,000 ปอนด์ ในระยะเวลาไม่กี่ปี ทำให้ผู้คนที่เข้าไปลงทุนมีกำไรเพิ่มขึ้นในพอร์ทเป็นจำนวนมาก
ไม่เพียงแต่หุ้นของบริษัท South Sea เท่านั้น หุ้นของบริษัทอื่น ๆ ในตลาดก็พุ่งตามไปด้วย อะไรที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ก็เป็นไปได้เสียหมด เช่น จะนำขี้เลื่อยมาทำเป็นไม้ซุง หรือจะทำธุรกิจเครื่องจักรที่เคลื่อนไหวได้ตลอดไป ทำให้หุ้นของบริษัทที่ไม่ได้มีพื้นฐานที่ดีอะไร แต่ผู้คนให้ความเชื่อมั่นกับคำชวนเชื่อต่าง ๆ ของบริษัท ก็ต่างพากันเข้ารุมซื้อ จนทำให้หุ้นตัวไหน ๆ ก็พุ่งสูงขึ้นไปเสียหมด
นิวตันเข้ามาร่วมวง :
เซอร์ไอแซค นิวตัน นักฟิสิกส์ชื่อดังแห่งยุค ที่เขาก็ได้เข้ามาลงทุนในบริษัทนี้เช่นเดียวกัน และในช่วงแรกที่เป็นขาขึ้นเขาก็สามารถทำกำไรได้อยู่หลายเด้ง ในเวลาอันรวดเร็ว นิวตันเห็นเช่นนั้น เขาจึงได้นำเงินเข้าไปลงทุนในบริษัทนี้เพิ่มมากขึ้น
แม้แต่คนที่อยากจะซื้อหุ้นของบริษัทนี้แต่ไม่มีเงิน บริษัทก็ยังใจดี ได้ทำการปล่อยกู้เงินให้อีกต่างหาก
ลุกช้าจ่ายรอบวง :
ในที่สุด ผู้บริหารของบริษัทที่รู้อยู่แล้วราคาหุ้น ณ ขณะนั้น ไม่ได้สอดคล้องกับรายได้ของบริษัทเลยอีกทั้งคนที่ไปยืมเงินคนอื่นมาซื้อหุ้น ก็ต้องหาเงินมาจ่ายหนี้ ทำให้ผู้คนจึงเริ่มพากันเทขายหุ้นออกไป จนสุดท้ายราคาหุ้นร่วงลงมาเป็นอย่างมาก และทำให้บริษัท South Sea ล้มละลายในปี 1720
นิวตันที่ได้นำเงินเข้าไปลงทุนเพิ่ม กว่าจะรู้ตัว ราคาหุ้นก็ดิ่งลงเหวเสียแล้ว ส่งผลทำให้นิวตันขาดทุนเป็นอย่างมาก จนทำให้เกิดเป็นวลีอมตะที่นิวตันได้เคยพูดเอาไว้ว่า “I could calculate the motions of the heavenly bodies, but not the madness of the people.” Said Issac Newton. หรือ“ผมสามารถคำนวณแม้แต่การเคลื่อนที่ของดวงดาวได้ แต่ผมไม่อาจคาดการณ์ความบ้าคลั่งของมนุษย์ได้เลย”
เรื่องนี้ทำให้เรียนรู้อะไร ?
- การปั่นหุ้น มีมาตั้งแต่ 300 ปีที่แล้ว และมีเหตุการณ์แนว ๆ นี้เกิดขึ้นเรื่อยมา ซึ่งเป็นหลุมพรางที่ผู้คนต่างเข้าไป จนทำให้หมดตัวมาแล้ว
- แม้แต่อัจฉริยะอย่างนิวตัน ก็เกือบหมดตัวมาแล้ว เพราะตลาดหุ้น
- การคาดการณ์จิตใจของมนุษย์ เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เราไม่อาจรู้ได้ว่า เรากำลังอยู่ในฟองสบู่หรือไม่รู้ตัวอีกที ก็อาจจะสายไปเสียแล้ว เพราะ คนที่ผิด ก็มักจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองผิดอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้น เขาจะผิดได้อย่างไร