
🔎 [Investment Insight] – เจาะลึกการลงทุนต่างประเทศ ! การตัด Russia ออกจากระบบ SWIFT มีผลกระทบอย่างไรบ้าง ? 🤔
📌 บทความจากแอด #Tda
ในช่วง 2สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ มีเพื่อนๆ หลายท่านถามเกี่ยวกับเรื่องสงคราม Russia-Ukraine จึงขอรวบรวม 3 คำถามยอดฮิต ที่แอดมินอยากมาแชร์มุมมองส่วนตัว (อาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้าย) ให้ฟังกัน
1️⃣ การตัด Russia ออกจากระบบ SWIFT มีผลอย่างไร?
2️⃣ Commodity ยังน่าลงทุนไหม?
3️⃣ Bitcoin ยังลงทุนได้ไหม เป็น digital gold จริงหรือเปล่า?
ย้อนไปก่อนหน้านี้แอดมินได้เขียนสรุปจากบทสัมภาษณ์ของ Ray Dalio ที่พูดถึงหนังสือเล่มล่าสุดของเขา Principles for Dealing with the Changing World Order: Why Nations Succeed and Fail โดยศึกษาย้อนหลังไป 500ปี ถึงปรากฏการณ์ 3 อย่าง ซึ่งเคยเกิดขึ้นพร้อมกันมาแล้วในอดีต แล้วแต่ละครั้งก็จบลงด้วยสงคราม โดยผู้ชนะสงครามก็เป็นผู้กำหนดระเบียบโลกใหม่ขึ้นมา ครั้งล่าสุดนั้นก็คือ สงครามโลกครั้งที่2 (World War II) ที่สหรัฐฯ กลายเป็นมหาอำนาจผู้จัดระเบียบโลกใหม่ในฐานะผู้ชนะสงคราม
นอกจากนี้ Ray ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับ Geopolitical conflict ระหว่าง Russia กับ Ukraine ว่าโอกาสที่จะเกิดเป็น Military War นั้นมีน้อยมากเพราะทำให้เกิดความเสียหายต่อทุกฝ่าย และน่าจะเป็นสงครามในภายในหรือสงครามย่อยๆ มากกว่าที่จะขยายวงกว้าง ซึ่งก็สอดคล้องกับผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิรัฐศาสตร์ทั้งที่เป็นคนไทยและคนต่างชาติ ที่วิเคราะห์ไปในทางเดียวกันว่าไม่น่าจะมี Military War โดยประธานาธิบดี Putin น่าจะอาศัยการกดดันให้ NATO ไม่รับ Ukraine เข้าเป็นสมาชิก และจะประกาศชัยชนะหลังเข้ายึดครองและประกาศให้ Luhansk กับ Donetsk เป็นรัฐอิสระ …
แต่แล้วสิ่งที่หลายๆ คนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อ Russia โจมตี Kyiv เมืองหลวงของ Ukraine เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา และนักวิเคราะห์หลายท่านก็เริ่มกังวลว่าจะปานปลายไปถึง Poland หรือไม่
แอดมินถือโอกาสนี้แนะนำคลิปวีดีโอที่ Ray Dalio เพิ่งปล่อยออกมาให้ชมกันเมื่อ 2 วันก่อน เป็นข้อมูลที่ดีและน่าสนใจมาก อยากให้ลองฟังกันดูค่ะ https://youtu.be/xguam0TKMw8
———————————
📌 กลับมาที่ 3 คำถามยอดฮิต
1️⃣ การตัด Russia ออกจากระบบ SWIFT มีผลอย่างไร?
จากเหตุการณ์ที่เล่าไปข้างต้น ทาง US, UK, Canada ตกลงร่วมกันที่จะตัดธนาคารของ Russia ออกจากระบบ SWIFT เพื่อเป็นการตอบโต้ Russia เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะมีผลต่อการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศราว 70%-80% ของปริมาณธุรกรรมทั้งหมดของ Russia แต่ยังไม่เห็นรายชื่อธนาคารที่ชัดเจน โดยคาดว่าจะมี Sberbank ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของ Russia อยู่ในรายชื่อด้วย
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมาทาง EU ได้ประกาศรายชื่อ 7 ธนาคารของ Russia ที่ถูกตัดจากระบบ SWIFT แต่!!! ขอเก็บ 2 ธนาคารที่ต้องทำธุรกรรมเพื่อซื้อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจาก Russia ไว้ในระบบ SWIFT ก่อน นั่นก็คือ Sberbank และ Gazprombank เพราะจำเป็นต้องพึ่งพาพลังงานจาก Russia อยู่นั่นเอง
SWIFT ย่อมาจาก Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication เป็นองค์กรที่เกิดขึ้นเมื่อปี 1973 ใน Belgium โดยในปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 11,000 สถาบันการเงิน จาก 200กว่าประเทศ (ซึ่งต้องจ่ายค่าสมาชิกเพื่อใช้ระบบร่วมกัน)
SWIFT คือ ระบบการจัดการที่มีการส่งข้อความอย่างรวดเร็วและปลอดภัยเพื่อทำธุรกรรมระหว่างสถาบันการเงินภายในเครือข่าย (แทนที่จะใช้ telex หรือ fax ในสมัยก่อน) ซึ่งถ้าใครเคยโอนเงินไปต่างประเทศก็จะสังเกตุเห็นว่าธนาคารจะแจ้งเป็น code 8-11 หลัก เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษปนกับตัวเลข ซึ่งจะบอกถึงประเทศ/ธนาคาร/สาขา ที่ใช้ในการรับส่งเงินนั่นเอง
Russia ไม่ใช่ประเทศแรกที่โดนตัดสถาบันการเงินในประเทศออกจากระบบ SWIFT (North Korea, Iran, Venezuela ปัจจุบันก็ไม่สามารถใช้ระบบ SWIFT ได้ เพราะโดน sanction) และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Russia โดน sanction ด้วยวิธีนี้ เพียงแต่ครั้งก่อนนี้เมื่อปี 2014 ที่กองทัพ Russia เข้าแทรกแซงและผนวก Crimea เข้ามา ไม่ได้โดน sanction ในวงกว้างและหนักหน่วงขนาดครั้งนี้
จากประสบการณ์ในปี 2014 ทำให้ Russia ได้พัฒนาระบบ SPFS (System for Transfer of Financial Messages) ขึ้นมาสำหรับใช้ทำธุรกรรมภายในประเทศเท่านั้น ซึ่งธุรกรรมที่ทำผ่านระบบนี้ (ทั้งธนาคารและบัตรเครดิต) มีเพียง 20%-25% ของปริมาณธุรกรรมภายในประเทศเท่านั้นที่ใช้ระบบ SPFS (ประมาณ 20ล้าน ข้อความต่อปี ที่ส่งผ่านระบบ SPFS จากทั้งหมดราว 100ล้าน ข้อความต่อปี) ส่วนปัญหาการทำธุรกรรมระหว่างประเทศนั้น Russia ก็พยายามแก้เกมส์ด้วยการไปใช้ระบบ CIPS (Chinese Cross-Border Interbank Payment System) ของจีน ซึ่งช่วยให้สามารถทำธุรกรรมระหว่างประเทศเป็นเงินหยวน (CNY) ได้ แต่การใช้งานก็ยังอยู่ในวงจำกัด โดยหลักๆ จะเป็นธุรกรรมจากการค้าขายกับจีน
การถูกตัดออกจากระบบ SWIFT ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมระหว่างประเทศเพียงอย่างเดียว แต่ธุรกรรมของบัตรเครดิตที่ให้บริการโดย VISA, Mastercard, Amex และอีกหลายระบบ ก็อาศัยเครือข่ายของระบบ SWIFT ในการทำธุรกรรมเช่นกัน ส่งผลให้คนในประเทศ Russia ต่างแห่กันไปกดเงิน/ถอนเงินสด (bank run) จากธนาคารกันกว่า 1ล้านล้าน Ruble (ประมาณ 6.5% ของปริมาณเงินในระบบ) และพยายามจะโอนเงินออกไปนอกประเทศ ทันทีที่มีข่าว (เสาร์ที่ 26 ก.พ.) ว่าธนาคารหลายแห่งกำลังจะโดนตัดออกจากระบบ SWIFT ทำให้ค่าเงิน Ruble อ่อนค่าไป 30% ในทันทีที่ตลาดเปิดทำการในวันจันทร์ที่ 28 ก.พ. ทำให้ธนาคารกลาง Russia ต้องประกาศขึ้นดอกเบี้ยเป็น 20% พร้อมกับใช้มาตรการควบคุมการจ่าย/โอนเงินออกนอกประเทศ
กล่าวโดยสรุปคือ ไม่ใช่ว่า Russia จะไม่สามารถทำธุรกรรมได้เลยหลังจากธนาคารส่วนใหญ่โดนตัดออกจากระบบ SWIFT แต่ทำได้ยากขึ้นด้วยต้นทุนการทำธุรกรรมที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลในทางลบต่อปริมาณการค้า และค่าเงิน Ruble ของ Russia และถ้าการ sanction นี้ยืดเยื้อต่อไป ก็มีโอกาสจะเกิดผลทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะ Recession คล้ายกับกรณีของ Iran ได้ แต่อาจจะไม่รุนแรงเท่ากับ Iran เพราะ EU เองก็ยังต้องพึ่งพาพลังงานจาก Russia ไม่ใช่น้อยๆ จะทำรุนแรงไปก็กลัวจะหยิกเล็บเจ็บเนื้ออยู่เหมือนกัน
—————————
📊 ในส่วนของอีก 2 คำถามยอดฮิต ทางแอด T-da จะมาตอบให้ฟังกันในอนาคต
แนะนำให้ทุกท่านเปิดกระดิ่งตั้งค่า “รายการโปรด” หรือ “Favourite” ไว้บนเพจได้เลยครับ เพื่อจะได้ไม่โดนการปิดกั้นการมองเห็น และอาจพลาดข่าวสารที่สำคัญจากทางเพจไป
และนักลงทุนท่านใดสนใจมาเข้าร่วมกลุ่ม #LINE เพื่อติดตามและแลกเปลี่ยนข่าวสารเรื่อง #การลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ไปกับทีม Trader KP และแอด T-da ติดต่อได้ที่ LINE Official @traderkp (https://lin.ee/a3S9iGv) และบอกว่าอยากเข้ากลุ่ม “การลงทุนในหุ้นต่างประเทศ” ได้เลยครับ (ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น)
🙏 ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรา ฝากกด Like และ Share เพื่อให้นักลงทุนท่านอื่นได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ 👍😊
#ทันโลกกับTraderKP