แนะนำกองทุน RMF และ SSF ตามมุมมองตลาด 4 รูปแบบ คุณมองตลาดอย่างไร และเหมาะกับกองทุนกลุ่มไหน ? มาดูกัน!

📌เมื่อเข้าสู่เดือนธันวาคม มนุษย์เงินเดือน หรือผู้มีรายได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้ ต่างก็เริ่มมองหาช่องทางในการบริหารจัดการภาษี

📌แต่ในปีนี้หลายๆคนอาจจะรู้สึกกังวลว่าเราจะลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษีในปีนี้ดีหรือไม่?

ตลาดขาลง ลงมาต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ซื้อไปตอนนี้ จะขาดทุนเยอะกว่าภาษีที่จะได้คืนมาหรือไม่?

📌 วันนี้ทางเพจ Trader KP เลยจะขอมาแนะนำกองทุนลดหย่อนภาษีทั้ง SSF และ RMF ที่น่าสนใจ ทั้งกองทุนที่ไม่ต้องกังวลกับสภาวะตลาดในปัจจุบัน และกองทุนที่อาจจะแสวงหาผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว รวมถึงกองทุนลดหย่อนภาษีสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาในการบริหารจัดการ มาเป็นข้อมูลให้ทุกๆคนได้ลองศึกษาหาทางเลือกกันในช่วงเดือนสุดท้ายของปี โดยกองทุนที่จะแนะนำต่อไปนี้ เป็นกองทุนที่ได้รับการคัดสรรมาแล้วจาก ttb ครับ

📌ทางเพจจะขอนำเสนอกองทุน SSF-RMF โดยแบ่งเป็น 4 แนวทางการลงทุนในช่วงสิ้นปีนี้ ตามมุมมองตลาดที่แตกต่างกัน

1️⃣ คนที่ไม่มั่นใจในสถานการณ์ตลาดหุ้นปัจจุบัน แค่ต้องการมุ่งรักษาเงินต้นไว้ และได้ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี

2️⃣ คนที่มีมุมมองว่าตอนนี้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่สูงและน่าสนใจ

3️⃣ คนที่มีมุมมองว่าตอนนี้ตลาดปรับลดลงมามากแล้วและจังหวะนี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะสะสมกองทุนหุ้นทั่วโลกที่ยังคงมีความแข็งแกร่ง

4️⃣ คนที่ไม่มีมุมมองใดๆแค่ต้องการมองหากองทุนที่จะใช้ลดหย่อนภาษี


1️⃣ สำหรับคนที่รับความเสี่ยงได้น้อยและไม่มั่นใจจากความผันผวนของสถานการณ์ตลาดหุ้นในปัจจุบัน และต้องการลงทุนเพื่อใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี

เราอาจจะมองหากลุ่มกองทุนที่ลงทุนในตลาดเงิน (Money Market) หรือกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น (Short Term Bond) โดยกองทุนกลุ่มนี้ มีความผันผวนต่ำ และผลตอบแทนที่ได้รับจะใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ โดยกองทุน SSF ที่น่าสนใจ ในกลุ่มนี้ ก็จะเป็น

★ กองทุน UOBSD-SSF (กองทุนเปิด ยูโอบี ชัวร์ เดลี – หน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม) เป็นกองทุนที่ลงทุนในตลาดเงินภายในประเทศ โดยความเสี่ยงกองทุนอยู่ในระดับ 1 เน้นลงทุนในตราสารหนี้อายุคงเหลือสั้น ความผันผวนค่อนข้างต่ำปราศจากความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากลงทุนในประเทศ และมีผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างสม่ำเสมอและมั่นคง

นอกจากนั้น นักลงทุนยังสามารถทำเรื่องขอสับเปลี่ยนกองทุนไปยังกองทุนอื่น (ภายใน บลจ.) ในภายหลังได้ ผ่านทาง app ของ ttb ได้เลย

—–

2️⃣  สำหรับคนที่สนใจในการลงทุนกองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ และหลายประเทศทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันแม้ความเสี่ยงจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปี 2023 ยังมีอยู่บ้าง แต่มองว่าโอกาสในการปรับขึ้นเริ่มจำกัด การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศจึงเริ่มมีความน่าสนใจ และอาจเป็นอีกทางเลือกสำหรับการลงทุน โดยกองทุน RMF ที่น่าสนใจ ในกลุ่มนี้ ก็จะเป็น

★ กองทุน TMBGINCOMERMF (กองทุนเปิดทีเอ็มบี Global Income เพื่อการเลี้ยงชีพ) กองทุนมีความเสี่ยงระดับ 5 ซึ่งเน้นกระจายลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลกผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ ชื่อ PIMCO GIS Income Fund โดยผู้จัดการกองทุน “PIMCO”  หนึ่งในผู้บริหารจัดการสินทรัพย์ระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารสินทรัพย์ด้านตราสารหนี้โดยเฉพาะกองทุนหลัก บริหารงานแบบ Active มีความยืดหยุ่นสูงจากตัวชี้วัด (unconstrained)

มีการใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลายทั้งเพื่อเน้นลดความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทนแก่พอร์ตให้สามารถสร้างผลตอบแทนให้สม่ำเสมอในทุกสภาวะเศรษฐกิจ

★ กองทุน TMBGRMF (กองทุนเปิดทหารไทย Global Bond Fund เพื่อการเลี้ยงชีพ) กองทุนมีความเสี่ยงระดับ 4 ซึ่งเน้นกระจายลงทุนในตราสารทั่วโลกผ่านกองทุนหลัก PIMCO GIS Global Bond Fund เน้นลงทุนในกลุ่มตราสารหนี้ทั่วโลกโดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาล บริหารงานแบบ Active management เทียบดัชนี้ชี้วัด มีกรอบอายุเฉลี่ย (Duration) พอร์ต +/- ไม่เกิน 3 ปีจากดัชนีชี้วัด เพื่อให้ได้ผลตอบแทนในระยะยาวสูงกว่าดัชนีชี้วัด

—–

3️⃣  สำหรับคนที่มีมุมมองว่า ตลอดปีที่ผ่านมา ตลาดปรับลดลงมามากแล้ว จังหวะนี้เป็นโอกาสที่ดีที่อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เราควรจะเข้าซื้อสะสมกองทุนหุ้นทั่วโลกที่มีความแข็งแกร่ง และสามารถสร้างผลตอบแทนให้เติบโตได้ในระยะยาว กองทุนหุ้นต่างๆ น่าจะเป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่น่าสนใจสำหรับมุมมองนี้ โดยจะมีกองทุนที่น่าสนใจ  สำหรับทั้ง SSF และ RMF ดังนี้

SSF

★ T-ES-GCG-SSF

กองทุนนี้มีความเสี่ยงในระดับ 6 มีนโยบายลงทุนในหุ้นทั่วโลกผ่านกองทุนหลัก AMUNDI FUNDS POLEN CAPITAL GLOBAL GROWTH ที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ตั้งแต่ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขึ้นไป ที่มีคุณภาพจำนวนไม่มาก (High Conviction และปัจจุบันลงทุนอยู่ 23 ตัว)

โดยเน้นหุ้นที่มีรายได้และกำไรที่มั่นคง ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีความได้เปรียบในการแข่งขัน และที่สำคัญมีหลักการESG ประกอบการลงทุน ตัวอย่างหุ้นที่ลงทุน เช่น Microsoft, Alphabet, Visa, ICON, Adobe, Mastercard เป็นต้น (ข้อมูล ณ 31 ต.ค. 65)

★ ONE-UGG-ASSF

กองทุนนี้หากใครมีการลงทุนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา น่าจะต้องรู้จักกันดี เป็นกองทุนที่ลงทุนในกองทุนหลัก Baillie Gifford Worldwide Long Term Global Growth Fund มีความเสี่ยงในระดับ 6 โดยกองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นที่มีลักษณะการเติบโตสูงทั่วโลก และมีการลงทุนในหุ้น Technology ขนาดใหญ่เพื่อการเติบโตไปพร้อมกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเช่น Tesla, Amazon, Meituan, ASML, Kering, NVIDIA เป็นต้น (ข้อมูล ณ 31 ต.ค. 65)

RMF

★ T-ES-GCG-RMF

กองทุนนี้มีความเสี่ยงในระดับ 6 ลงทุนในกองทุนหลัก AMUNDI FUNDS POLEN CAPITAL GLOBAL GROWTH เช่นเดียวกับกองทุน T-ES-GCG-SSF ที่กล่าวข้างต้น

★ TMBGQGRMF

กองทุนนี้มีความเสี่ยงในระดับ 6 ลงทุนในกองทุนหลัก Wellington Global Quality Growth ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นเติบโตที่มีขนาดใหญ่ และมีผลการดำเนินงานและธุรกิจที่มั่นคงแข็งแกร่ง เช่น Microsoft, Apple, Alphabet, Amazon, UnitedHealth และ Visa เป็นต้นเน้นกระจายการลงทุนหลักทรัพย์ ปัจจุบันลงทุนในหลักทรัพย์ 73 ตัว มีสัดส่วนในหลักทรัพย์ 10  อันดับแรกอยู่ที่ 24.8% (ข้อมูล ณ 31 ต.ค. 65) เหมาะสำหรับการใช้เป็นกองทุนหลักของพอร์ตลงทุน (Core Portfolio)

นอกจากนั้นยังมีอีกหลายกองทุน ที่น่าสนใจ เช่น TMB-ES-VIETNAM-RMF , T-ES-GTech-SSF และ UEV-SSF

—–

4️⃣  ส่วนใครไม่ถนัดด้านการลงทุน แต่มีความสนใจในกองทุนรวมที่สร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนในระยะยาวและต้องการลดหย่อนภาษีในปีนี้  ทางเพจ Trader KP ขอนำเสนอทางเลือกเพิ่มเติมจาก ttb  ได้แก่

★ กองทุน ttb smart port-SSF ซึ่งจะเหมาะสำหรับผู้ที่อยากลงทุนแบบสบายใจ ลงทุนง่าย  เพราะมีผู้เชี่ยวชาญ จาก Amundi คอย “คัด” “จัด” “ปรับ” พอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม เริ่มต้นลงทุนได้ด้วยเงินแค่ 1 บาทเท่านั้น! และมีให้เลือกถึง 5 โมเดล ตามความเสี่ยงที่เรารับได้ เพื่อเราจะได้เลือกลงทุนความเสี่ยงที่เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด ที่เหลือก็ปล่อยให้เงินทำเงินโดยผู้เชี่ยวชาญไป

ประกอบด้วย

1. tsp1-preserver-SSF  กองทุนมีความเสี่ยงในระดับ 4 ลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30%กองนี้เหมาะสำหรับคนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ รับความผันผวนของราคาได้ไม่มาก เน้นลงทุนในตราสารหนี้ และคาดหวังผลตอบแทนระยะยาวมากกว่าการฝากเงิน

2. tsp2-nurturer-SSF กองทุนมีความเสี่ยงในระดับ 5 กระจายการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ 35% ต่างประเทศ 45% และ ตราสารทุนต่างประเทศ 20% ต้องการลงทุนเพื่อเอาชนะเงินเฟ้อแต่ยังไม่สามารถรับความเสี่ยงได้มาก สามารถรับความผันผวนในการลงทุนในหุ้นได้บ้าง เน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายขึ้นเพื่อเก็บสะสมผลตอบแทนในระยะยาว

3. tsp3-balancer-SSF กองทุนมีความเสี่ยงในระดับ 5 กระจายการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ 25% ต่างประเทศ 35% และ ตราสารทุนในประเทศ 10% ต่างประเทศ 35% เหมาะกับคนที่เน้นลงทุนเพื่อตอบโจทย์เป้าหมายระยะยาว รับความเสี่ยงได้ระดับปานกลาง

4. tsp4-explorer-SSF กองทุนมีความเสี่ยงในระดับ 5 กระจายการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ 10% ต่างประเทศ 20% และ ตราสารทุนในประเทศ 15% ต่างประเทศ 55% เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง รับความเสี่ยงได้ระดับค่อนข้างสูง

5. tsp5-gogetter-SSF กองทุนมีความเสี่ยงในระดับ 6 เน้นลงทุนในหุ้นหรือตราสารทุน โดยลงทุนในตราสารทุนในประเทศ 20% และต่างประเทศ 80% เหมาะสำหรับคนที่เน้นกระจายลงทุนในหุ้นทั่วโลก มีความผันผวนสูง คาดหวังผลตอบแทนสูง เหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงการลงทุนได้สูงมาก (ข้อมูล ณ 30 ก.ย. 65)

จุดเด่นสำคัญของ ttb smart port คือ คัด – จัด – ปรับ

“คัด” กองทุนเด่นจากทั่วโลก

“จัด” สัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสม และ

“ปรับ” พอร์ตให้โดยทีมงานมืออาชีพระดับโลกทั้งจาก Amundi บริษัทจัดการกองทุนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ในยุโรป และ บลจ.อีสท์สปริง ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำระดับแถวหน้าของเอเชีย  ที่ดูแลใกล้ชิด  โดยปรับพอร์ทการลงทุนอัตโนมัติ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์อยู่เสมอ

โดยทาง Amundi จะทำหน้าที่ช่วยคัดสรรกองทุนจาก บลจ. ต่างๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยคัดเลือกกองทุนที่เหมาะสมและกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อมุ่งหวังในการสร้างทางเลือกและผลตอบแทนอย่างยั่งยืนในระยะยาวให้แก่นักลงทุนในทุกสถานการณ์

—–

สนใจและอยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมก็โทรไปได้ที่ ttb investment line โทร. 1428 กด #4 หรือ

สนใจอยากเริ่มลงทุน ก็สามารถลงทุนด้วยตัวเองผ่าน ttb touch https://www.ttbbank.com/ttbt/esfix2ybb

พร้อมโปรโมชันพิเศษ!! เมื่อซื้อ หรือสับเปลี่ยนเข้ากองทุน RMF/ SSF ที่เข้าร่วมโปรโมชัน หรือโอนกองทุน LTF จากบลจ. อื่นเข้ากองทุน LTF ของบลจ. 5 แห่งที่เข้าร่วมโปรโมชัน ทุก ๆ 50,000 บาท ของการลงทุนในแต่ละบลจ. (ตามบลจ.ที่ได้ลงทุน) รับเงินลงทุนเพิ่มในกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market) จำนวน 100 บาท

ระยะเวลาโปรโมชัน : วันนี้ – 30 ธ.ค. 2565

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/promotion/detail/rmf-ssf-2022

—–

คำเตือน

– ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน /ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน

– กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศและไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

***สนใจลงทุน และขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ ทีทีบีทุกสาขา

Advertisement