[INVESTMENT] ลงทุนกับ 10 ตลาดหุ้นมูลค่าสูงที่สุดในโลก และ วิธี กระจายพอร์ตลงทุน สู่หุ้นตัวท็อป ผ่าน NEXT Invest

⁉️ รู้ไหมครับ !?! หุ้นทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มีมูลค่า Market cap* เท่ากับ 2% ของมูลค่าหุ้นทั้งหมดในตลาด New York Stock Exchange (NYSE) เท่านั้นเอง

และถ้าเทียบกับบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ซึ่งก็คือ APPLE ก็ถือว่ายังน้อยกว่ามาก ซึ่งมูลค่ารวมของหุ้นในตลาด SET เท่ากับ 1 ใน 5 ของมูลค่าบริษัท APPLE** เท่านั้น

นั่นหมายความว่าในโลกนี้มีตลาดหลักทรัพย์ขนาดใหญ่มากมายที่มีหุ้นที่มีมูลค่าสูงๆจดทะเบียนอยู่

บทความนี้ Trader KP เลยอยากเล่าให้ฟังว่าในโลกของเรามีตลาดหลักทรัพย์ใดอยู่บ้าง โดยเลือก 10 ตลาดที่มีมูลค่าสูงที่สุด รวมทั้งมีหุ้นตัวท็อปใดบ้างที่จดทะเบียนอยู่ และถ้าเราอยากจะกระจายการลงทุนไปตลาดเหล่านั้น จะเริ่มต้นอย่างไร?!?

📌 10 อันดับตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่า Market Capitalization สูงสุด (ณ ต.ค. 2022)

อันดับ1️⃣ New York Stock Exchange (NYSE), อเมริกา : 22.77 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ

ตลาดหลักทรัพย์ของนิวยอร์ก หรือที่เรียกว่า ‘Big Board’ ถูกตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 1792 และมีบริษัทมากกว่า 2,400 บริษัทที่จดทะเบียนอยู่ NYSE ถือเป็นตลาดที่เก่าแก่ที่สุดของอเมริกา และมีหุ้นมูลค่าสูงๆที่เราคุ้นเคยกันเช่น Exxon Mobil, Visa, J&J, JPMorgan, Coca Cola

อันดับ 2️⃣ NASDAQ, อเมริกา: 16.24 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ

ตลาดหลักทรัพย์แรกของโลกที่เปิดให้เทรดแบบอิเล็กโทรนิคซึ่งตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 1971 มีจำนวนบริษัทจดทะเบียนมากกว่า 3,000 บริษัท และยังเป็นศูนย์รวมหุ้น Tech ดังๆของโลกทั้งหลาย รวมถึงหุ้นที่มีมูลค่าสูงสุดของโลกก็จดทะเบียนที่นี่เช่นกัน โดยหุ้นที่มีมูลค่าสูงสุดใน NASDAQ ได้แก่ Apple, Microsoft, Alphabet (Google), Amazon และ Tesla

อันดับ 3️⃣ Shanghai Stock Exchange (SSE), จีน: 6.74 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ

มีมูลค่า Market Cap เป็นที่ 3 ของโลก และที่ 1 ของเอเชีย โดยรวบรวมมากกว่า 1,500 บริษัท หุ้นที่มีมูลค่าสูงสุดของตลาดนี้ก็คือบริษัทเครื่องดื่มเจ้าดัง Moutai นอกจากนั้นส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นอุตสาหกรรมการเงิน เช่น Bank of China, Pingan Insurance

อันดับ 4️⃣ Euronext , ยุโรป: 6.06 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ

มาที่ตลาดดังทางฝั่งยุโรปตั้งอยู่ที่อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ และมีบริษัทจากหลากหลายประเทศในยุโรปจดทะเบียนมากกว่า 1,300 บริษัท หุ้นที่มีมูลค่า Market Cap สูงที่สุดและที่เรารู้จักกันดี ก็คือ LVMH ผู้เป็นเจ้าของแบรนด์กระเป๋าในฝันของสาวๆอย่าง Louis Vuitton หรือ Dior รวมถึงแชมเปญเก่าแก่ระดับสูงอย่าง ดงเปรีญง (Dom Perignon) และจิวเวอรี่แบรนด์ดังอย่าง Tiffany & Co. นั่นเอง

อันดับ 5️⃣ Japan Exchange Group (JPX), ญี่ปุ่น : 5.38 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ

ตลาด Exchange ใหญ่ของญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าของทั้ง Tokyo Stock Exchange (TSE) และ Osaka Exchange (OSE) โดยมีบริษัทจดทะเบียนอยู่มากกว่า 3,700 บริษัท หุ้นมูลค่าสูงที่เรารู้จักกันดี เช่น Toyota, Sony, Mitsubishi, Softbank

อันดับ 6️⃣ Shenzhen Stock Exchange (SZSE), จีน: 4.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ

อีกตลาดของจีนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 และรวมรวมบริษัทขนาดเล็กถึงกลางและบริษัทในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตไว้มากมาย บริษัทรถ EV เจ้าดังอย่าง BYD และผู้ผลิตแบตเตอรี่อย่าง CATL ก็ลิสต์อยู่ในตลาดนี้

อันดับ 7️⃣ Hong Kong Exchange (HKEX), ฮ่องกง: 4.56 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ

ตลาดฮ่องกงที่ใหญ่ใกล้เคียงกับ Shenzhen มีบริษัทจดทะเบียนมากกว่า 2,200 บริษัท และมีบริษัทเทคฯ ดังๆอยู่หลายเจ้า เช่น BABA, Tencent, Xiaomi

อันดับ 8️⃣ National Stock Exchange of India (NSE), อินเดีย: 3.34 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ

ตลาดอินเดียก็ไม่ธรรมดามีบริษัทจดทะเบียนมากกว่า 6,800 บริษัท หุ้นที่มี Market cap สูงที่สุดคือ Reliance ซึ่งมีหลากหลายธุรกิจตั้งแต่ ปิโตรเคมี พลังงาน ไปจนถึงค้าปลีก สื่อ และ โทรคมนาคม

อันดับ 9️⃣ LSE Group, อังกฤษ: 3.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ

ตลาดอังกฤษเรียกได้ว่าแทบจะเก่าแก่ที่สุด โดยก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1801และมีบริษัทจดทะเบียนมากกว่า 3,000 บริษัท หุ้นดังมูลค่าสูงที่เรารู้จักกันก็มี Shell, AstraZeneca, HSBC, Unilever เป็นต้น

อันดับ 🔟 Toronto Stock Exchange (TSX), แคนาดา: 2.68 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ

ตลาดฝั่งแคนาดา มีบริษัทจดทะเบียนอยู่มากกว่า 2,200 บริษัท หุ้นที่เราคุ้นเคยกันเช่น Shopify, Thomson Reuters, lululemon เป็นต้น

📌 แล้วเราจะกระจายพอร์ตลงทุนไปยังตลาดหุ้นมูลค่าสูงๆ ต้องทำอย่างไร?

ถ้าเราอยากจะเป็นเจ้าของหุ้นตัวท็อปๆของโลกที่กระจายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์หลากหลายประเทศ ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้นะครับ ในอดีตเราอาจจะมีอุปสรรคในการลงทุนตลาดนอก เพราะต้องมีบัญชีในประเทศนั้นๆ ถึงจะลงทุนได้ แต่ทุกวันนี้โลกการลงทุนเปิดกว้างขึ้นมาก และสร้างโอกาสให้นักลงทุนรุ่นใหม่ได้เข้าถึงสินทรัพย์หลากหลายประเภทได้ง่ายและสะดวก รวมถึงไม่ต้องมีเงินเยอะก็สามารถเริ่มต้นได้เลย

ช่องทางที่น่าสนใจในการเปิดบัญชีเพื่อซื้อขายหุ้นต่างประเทศ ก็คือ NEXT Invest ในแอป Krungthai NEXT ซึ่งข้อดีของแอปนี้ก็คือเปิดโอกาสให้นักลงทุนมือใหม่ เปิดบัญชีหลักทรัพย์กับบล. กรุงไทย เอ็กซ์สปริง และสามารถเข้าถึงตลาดหุ้นมากถึง 35 ตลาดใน 27 ประเทศ รวมถึงตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง ญี่ปุ่น ยุโรป และสิงคโปร์ เรียกได้ว่าเป็นแอปที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนตัวเล็ก ได้เข้าถึงตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศได้หลากหลายประเทศเลยทีเดียว ซึ่งเหมาะมากๆ กับคนที่เป็นนักลงทุนมือใหม่ อยากกระจายความเสี่ยงไปลงทุนหุ้นนอก และกระจายความเสี่ยงไปยังประเทศต่างๆอีกด้วย

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างของ NEXT Invest คือสามารถเปิดบัญชีและเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยได้ โดยธนาคารกรุงไทยได้มีการออก DR หรือ Depository Receipt ซึ่งเป็นตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยออกมาแล้ว 4 ตัวคือ BABA, Tencent, Xiaomi, BYD และยังมี DRx ของ Apple และ Tesla

โดยตัว DR และ DRx เปิดโอกาสให้นักลงทุนซื้อหุ้นระดับโลกด้วยเงินบาทในจำนวนที่น้อยได้ เริ่มต้นที่ 100 บาทและสามารถซื้อผ่าน Streaming ที่เชื่อมกับ NEXT Invest ได้เลย

📌 สรุปจุดเด่นของ NEXT Invest ฟังก์ชันเทรดหุ้นนอก จากแอป Krungthai NEXT ก็คือ

✅มีตลาดหุ้นต่างประเทศให้เลือกเยอะ เช่น สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง ญี่ปุ่น ยุโรป และสิงคโปร์
✅เงินน้อยก็เริ่มลงทุนได้ ขั้นต่ำ 100 บาท ผ่าน DR และ DRx
✅เทรดหุ้นไทย ไม่มีค่าธรรมเนียมขั้นตํ่า
✅ฟรีค่าบริการ W-8BEN สำหรับการเทรดหุ้นตลาดอเมริกา (จากปกติจะเสีย 2,000 บาทต่อ 3 ปี)
✅เปิดบัญชีหุ้นครั้งเดียว ได้สูงสุดถึง 4 ประเภทบัญชี
➔ บัญชีแคชบาลานซ์
➔ บัญชีเงินสด T+2
➔ บัญชีอนุพันธ์ (TFEX)
➔ บัญชีหลักทรัพย์ต่างประเทศ
✅สะดวก ไม่ต้องไปสาขาก็เปิดบัญชีหุ้นผ่านแอปฯ ได้ทุกที่ ตลอด 24 ชั่วโมง
✅KTX Consolidated Portfolio View : รวมพอร์ตการลงทุนหุ้นทุกประเภทในที่เดียว ดูง่าย วางแผนปรับพอร์ตได้อย่างมืออาชีพ

📌 NEXT Invest ยังมีฟังก์ชันเด็ดอะไรอีก?

✅ เปิดบัญชีง่าย ฟรี ผ่านแอป Krungthai Next และใช้เวลาไม่นาน
➔ แอปเดียวจบครบทุกการลงทุน ทั้ง กองทุนรวม หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ
➔ เปิดบัญชีกองทุนรวมง่าย ไม่ต้องใช้เอกสาร
➔ เปิดบัญชีเทรดหุ้นง่าย ไม่ต้องใช้เอกสาร
✅มีคลังข้อมูลและกูรูด้านการลงทุนเพื่อมาเสิร์ฟความรู้และแนะนำการลงทุน
✅บริหารพอร์ตง่าย ด้วยการแสดงพอร์ตครบทุกสินทรัพย์ในหน้าเดียว
✅ มีหมวดกองทุนรวม ที่สามารถซื้อขายกองทุนจาก 8 บลจ. ชั้นนำ รวมกว่า 200 กองทุน จุดเด่นคือ
➔ ค้นหากองทุนได้ตามหมวดหมู่
◆ Popular Fund รวมกองทุนเด่นยอดนิยม
◆ Fund for You คัดเลือกกองทุนที่เหมาะกับคุณ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การลงทุน และการรับความเสี่ยง
◆ Tactic Fund กองทุนแนะนำ สอดคล้องกับสภาวะตลาด วิเคราะห์และคัดสรรโดยกูรูการลงทุน (CIO)
➔ อัปเดตข้อมูลตลาดทั้งรายวันและรายสัปดาห์ ไม่พลาดทุกจังหวะลงทุน
➔ วางแผนลงทุนอย่างต่อเนื่อง ตั้งเวลาซื้อขายแบบ DCA ได้ด้วยตัวเอง
➔ มี Port Advisory ค่อยแนะนำการจัดพอร์ต ตามผู้เชี่ยวชาญ หรือตามระดับความเสี่ยง พร้อมระบบซื้อขายหลายกองในครั้งเดียว
➔ พอร์ตการลงทุนละเอียดขึ้น ให้นักลงทุนเห็นภาพรวมพอร์ตได้ชัดเจน ตรวจสอบรายการย้อนหลัง วันครบกำหนดขายกองทุนลดหย่อนภาษีประเภท SSF สะดวก ง่าย ได้ด้วยตัวเอง
➔ สร้างวินัยการลงทุนให้ตัวเองผ่านการตั้งรายการซื้อล่วงหน้าแบบ DCA (Dollar Cost Averaging) พร้อมทางเลือกการซื้อ SSF RMF ด้วยบัตรเครดิต KTC

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : https://krungthai.com/link/next-invest-tradderkp-fb
หากใครสนใจ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหรือ ลงทุนได้เลยได้ที่ลิงค์นี้
https://krungthainext.onelink.me/…/Y230228NEXTInvestInf…

หมายเหตุ
*SET Market cap = 526 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ณ ต.ค. 2565
NYSE market cap = 22.77 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ณ ต.ค. 2565
**AAPL market cap = 2.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ณ 13 ก.พ. 2566

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน | ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา | ธนาคารกรุงไทยเป็นเพียงผู้ให้บริการแนะนำการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เท่านั้น ธนาคารกรุงไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการพิจารณาอนุมัติการเปิดบัญชี และการซื้อขายหลักทรัพย์ซึ่งดำเนินการโดยบล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง

#TraderKP#NextInvest

See less

Advertisement