เลือกใช้กลยุทธ์ Futures & Options อย่างไร? เข้าใจง่ายสำหรับมือใหม่

Futures และ Options คือเครื่องมือทางการเงินที่ทรงพลังมาก ถ้าเข้าใจและใช้ให้ถูกจังหวะ ก็ช่วยให้พอร์ตการลงทุนแข็งแกร่งขึ้นได้ แต่เพราะเป็นเครื่องมือที่ซับซ้อน หลายคนจึงยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มตรงไหนดี เราเลยอยากเล่าให้เห็นภาพง่าย ๆ ผ่านตัวอย่างที่ใกล้ตัว อย่างการ “เก็งราคากระเป๋าแบรนด์เนม” ใบหนึ่งแทนการลงทุนจริง

ลองนึกภาพว่าคุณอยากได้กระเป๋าใบหรูราคา 100,000 บาท แต่ยังไม่แน่ใจว่าราคาจะขึ้นหรือลงในอนาคต หากใช้ Futures ก็เหมือนการทำสัญญาล่วงหน้ากับร้านค้า ตกลงกันตั้งแต่วันนี้ว่าจะซื้อหรือขายในราคาเดิม ไม่ว่าตอนนั้นราคาจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ส่วน Options ก็เปรียบเหมือนการซื้อ “สิทธิ” ที่จะเลือกซื้อหรือขายกระเป๋าในอนาคต โดยคุณมีทางเลือกจะใช้สิทธินั้นหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่ามันคุ้มค่าหรือเปล่า

📌 สิ่งที่แตกต่างระหว่าง Futures และ Options หลักๆ คือ

• Futures คือ สัญญาที่ “ต้องทำตาม” ไม่มีสิทธิเลือก ผู้ซื้อ/ผู้ขายต้องทำตามสัญญาเมื่อถึงเวลา ไม่ว่าจะขาดทุนหรือกำไร

• Options คือ “สิทธิ ไม่ใช่ภาระผูกพัน” (ผู้ซื้อมีสิทธิเลือกว่าจะใช้หรือไม่) ความเสี่ยงจึงถูกจำกัดแค่ค่า Premium ที่จ่ายไป

—————————–

📣 ใครที่อยากเริ่มต้นเรียนรู้การเทรด Futures และ Options แบบเข้าใจง่าย และที่สำคัญ…ใช้ได้จริง

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดคอร์สสอนฟรี “21 Day Challenge TFEX” สมัครฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย

รีบลงทะเบียนเลยวันนี้ ถึง 30 กันยายน 👉https://s.setth.org/onc

——————————

เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น เราจะลองจำลองสถานการณ์ราคากระเป๋าว่าหากราคาเปลี่ยนจาก 100,000 บาท เป็น 130,000 บาท (ขึ้น) หรือ 70,000 บาท (ลง) แล้วถ้าใช้ Futures หรือ Options แต่ละแบบ จะได้กำไรหรือขาดทุนยังไงบ้าง ?

1️⃣Futures : สัญญาซื้อขายล่วงหน้า

Futures คือ สัญญาซื้อขายสินค้าหรือสินทรัพย์ในอนาคตตามราคาที่กำหนด แต่คุณไม่ต้องจ่ายเงินเต็มมูลค่าสินค้า เพียงวาง Margin เป็นเงินประกันเพื่อเปิดสัญญา หรือเหมือนเงินมัดจำ ซึ่งโดยปกติจะอยู่ที่ 10-15% ของมูลค่าสัญญา

• สมมุติว่ามูลค่ากระเป๋า: 100,000 บาท

กรณีซื้อสัญญา Futures (Long Futures)

• คุณคาดว่าราคากระเป๋าจะขึ้น เลยซื้อสัญญาที่ให้สิทธิคุณซื้อกระเป๋าในราคา 100,000 บาทเมื่อถึงเวลาที่กำหนด

• สมมติราคากระเป๋าขึ้นจาก 100,000 เป็น 130,000 บาท คุณก็ทำกำไรเต็ม ๆ 30,000 บาท แต่ถ้าราคาลงเหลือ 70,000 บาท คุณก็ขาดทุนเต็ม ๆ 30,000 บาทเช่นกัน

📌 กรณีขายสัญญา Futures (Short Futures)

• คุณคาดว่าราคากระเป๋าจะลง เลยซื้อสัญญาที่ให้สิทธิคุณขายกระเป๋าในราคา 100,000 บาทเมื่อถึงเวลาที่กำหนด

• สมมติราคากระเป๋าขึ้นจาก 100,000 เป็น 130,000 บาท คุณจะขาดทุน 30,000 บาท เพราะโดนบังคับขายในราคาที่ต่ำกว่าตลาดเมื่อถึงครบกำหนดสัญญา แต่หากราคาลงเหลือ 70,000 บาท คุณก็จะได้กำไรไป 30,000 บาททันที

การซื้อขาย Futures สิ่งที่ต้องจ่ายเพื่อเปิดสัญญา คือ Margin สมมติ 10% นั่นหมายความว่าคุณวางเงินเพียง 10,000 บาท แต่สามารถทำกำไร/ขาดทุนจากราคาสินค้าจริงเต็มมูลค่าได้เลย ไม่ต้องมีเงินแสนเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ราคาแพง

________________________________________

2️⃣ Options : สิทธิซื้อ-ขายที่ใช้เงินน้อย

Options คือ สัญญาที่ให้สิทธิในการซื้อหรือขายสินค้าภายในระยะเวลาหนึ่งโดยไม่ต้องซื้อสินค้าจริง คุณจ่ายแค่ Premium ซึ่งเป็นราคาสิทธิ โดยราคา Premium ของ Options ไม่มีตัวเลขตายตัว เพราะมันขึ้นกับหลายปัจจัย แต่โดยหลัก ๆ จะถูกกำหนดจาก:

1. ราคาสินทรัพย์ (Underlying Price) – ราคาตลาดปัจจุบันของสินทรัพย์ที่เราใช้ Options

2. Strike Price – ราคาที่ระบุในสัญญาเพื่อซื้อ/ขาย

3. ระยะเวลาที่เหลือจนหมดอายุ (Time to Expiry) – ยิ่งระยะยาว Premium จะสูงกว่า เพราะมีโอกาสเกิดความผันผวนมากขึ้น

4. ความผันผวนของราคา (Volatility) – สินค้าหรือหุ้นที่ผันผวนสูง Premium จะสูง

5. อัตราดอกเบี้ยและปัจจัยอื่น ๆ – มีผลบ้าง แต่ไม่มากนัก

ข้อดี:

✅ใช้เงินน้อย

✅จำกัดความเสี่ยงสูงสุดแค่ค่า Premium

✅สามารถสร้างรายได้จากการขายสิทธิให้คนอื่น

📌 ตัวอย่าง Scenario การทำ Options ราคากระเป๋า

สมมติ Premium = 10,000 บาท

และราคากระเป๋าตั้งต้น = 100,000 บาท

🔵 Call Options (สิทธิในการ “ซื้อ”)

1️⃣ Long Call (ซื้อสิทธิในการ “ซื้อ”)

• สมมติคุณคาดว่าราคากระเป๋าจะขึ้น จึงจ่ายค่า Premium = 10,000 บาท เพื่อซื้อสิทธิซื้อที่ราคา 100,000 บาท

• ถ้าราคากระเป๋าขึ้นเป็น 130,000 บาท → คุณใช้สิทธิซื้อ 100,000 บาท แล้วขายในตลาดได้ 130,000 บาท → กำไร = 30,000 – 10,000 = 20,000 บาท

• ถ้าราคากระเป๋าลงเหลือ 70,000 บาท → ไม่มีใครอยากใช้สิทธิซื้อที่แพงกว่า → คุณเสียแค่ค่า Premium = 10,000 บาท (ขาดทุนจำกัด)

2️⃣ Short Call (ขายสิทธิในการ “ซื้อ”)

• คุณเป็นฝั่ง “รับ Premium” 10,000 บาท จากการขายสิทธิให้คนอื่น

• ถ้าราคากระเป๋าขึ้นเป็น 130,000 บาท → คนที่ซื้อสิทธิจะใช้สิทธิซื้อจากคุณที่ 100,000 บาท แล้วเอาไปขายต่อ 130,000 บาท → คุณต้องขาดทุน 30,000 บาท แต่คุณได้ค่า Premium 10,000 มาชดเชย → ขาดทุนสุทธิ = 20,000 บาท

• ถ้าราคากระเป๋าลงเหลือ 70,000 บาท → ผู้ซื้อสิทธิไม่ใช้สิทธิ → คุณได้เก็บค่า Premium เต็ม ๆ = 10,000 บาท

👉 จะเห็นว่า Long Call คือ การเก็งว่าราคาจะ “ขึ้น” ส่วน Short Call คือ การเก็งว่าราคาจะทรงตัวหรือปรับตัวลง

🔵 Put Options (สิทธิในการ “ขาย”)

1️⃣ Long Put (ซื้อสิทธิในการ “ขาย”)

• คุณคาดว่าราคากระเป๋าจะลง → จ่ายค่า Premium = 10,000 บาท เพื่อซื้อสิทธิขายที่ราคา 100,000 บาท

• ถ้าราคากระเป๋าลงเหลือ 70,000 บาท → คุณใช้สิทธิขายที่ 100,000 บาท → กำไร 30,000 – 10,000 = 20,000 บาท

• ถ้าราคากระเป๋าขึ้นเป็น 130,000 บาท → คุณไม่ใช้สิทธิ (เพราะคงไม่มีใครยอมขายถูกกว่าตลาด) → ขาดทุนแค่ค่า Premium = 10,000 บาท

2️⃣ Short Put (ขายสิทธิในการ “ขาย”)

• คุณเป็นฝั่ง “รับค่า Premium” 10,000 บาท จากการขายสิทธิ

• ถ้าราคากระเป๋าลงเหลือ 70,000 บาท → คนซื้อสิทธิบังคับขายที่ราคา 100,000 บาท → คุณขาดทุน 30,000 บาท – ได้ค่า Premium 10,000 บาท → ขาดทุนสุทธิ 20,000 บาท

• ถ้าราคากระเป๋าขึ้นเป็น 130,000 บาท → ผู้ซื้อสิทธิไม่ขาย → คุณได้ค่า Premium เต็ม ๆ = 10,000 บาท

👉 จะเห็นว่า Long Put คือ การเก็งว่าราคาจะ “ลง” ส่วน Short Put คือ การเก็งว่าราคาจะทรงตัวหรือปรับตัวขึ้น

สรุปง่าย ๆ

• Futures = คาดการณ์ราคากระเป๋า → กำไร/ขาดทุนเต็มราคา ใช้เงินน้อยกว่าซื้อของจริง แต่มีความเสี่ยง Margin Call

• Options = สิทธิซื้อ-ขาย → จำกัดความเสี่ยงสูงสุด แค่ค่า Premium

• ฝั่ง Long (Call/Put) ความเสี่ยงจำกัดที่ค่า Premium (10,000 บาท) แต่กำไรไม่จำกัด

• ฝั่ง Short (Call/Put) จะได้กำไรจำกัด (สูงสุด คือ ค่า Premium 10,000 บาท) แต่มีโอกาสขาดทุนไม่จำกัด

📌 มาเรียนรู้เพิ่มเติมด้วยกัน กับแคมเปญ 21-Day Challenge TFEX เพิ่มพลังพอร์ตด้วย Futures & Options จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ชวน TFEX มือใหม่ทำภารกิจเรียนรู้และสร้างทักษะการลงทุนใน 21 วัน เสริมความรู้ให้นักลงทุนแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย! ลงทะเบียน ตั้งแต่วันนี้–30 ก.ย. 68

.

เพื่อมาอัปเดตความรู้และเทรด TFEX ได้ใน 21 วัน กับ “21-Day Challenge TFEX เพิ่มพลังพอร์ตด้วย Futures & Options”

.

✅ เริ่มต้นแต่ปูพื้นฐาน ทำความรู้จักตลาด TFEX และสินค้าฟิวเจอร์ส ออปชัน

✅ สอนเทคนิคเทรดเหมือนจับมือทำ ให้คุณก้าวเข้าสู่สนามจริงแบบมั่นใจ พร้อมชวนรับชม Live! ย้อนหลังสรุปเนื้อหาเต็มอิ่มถึงกับ 3 Partโดยกูรูผู้เชี่ยวชาญด้าน TFEX

✅จัดหนัก จัดเต็ม พร้อมลุ้นรับรางวัล เพียงทำภารกิจครบแบบง่าย ๆ สมัครเข้าร่วมแคมเปญ และรับชม live! ย้อนหลัง พร้อมเช็คอินอย่างน้อย 1 ครั้ง ลุ้นรับรางวัลรวมมูลค่ากว่า 120,000 บาท !!💰💸

.

เข้าร่วมแคมเปญ ฟรี!

.

📍 ดูรายละเอียดและสมัครเข้าร่วมแคมเปญ คลิก 👉 https://s.setth.org/onc

📚 ดาวน์โหลดคู่มือ Playbook คลิก 👉 https://s.setth.org/92c

#21DayChallengeTFEX #เทรดTFEXได้ใน21วัน #SETEducation #ห้องเรียนนักลงทุน #TFEXBITES