
ถ้าวันหนึ่งมีใครบอกคุณว่า
“ค่าคอมซื้อหุ้นไทยอาจถูกลงได้ถึงเกือบครึ่ง…และมาจากโบรกต่างชาติ”
หลายคนคงส่ายหน้า แล้วตอบกลับว่า
“เป็นไปได้ไง ตลาดไทยไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน”
แต่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น—บางครั้งก็เกิดขึ้นเพราะผู้เล่นใหม่
และครั้งนี้คือ Webull จากสหรัฐอเมริกา
คำถามคือ…
อะไรทำให้บริษัทที่มีฐานผู้ใช้กว่า 26 ล้านคนทั่วโลก กล้าเข้ามา “เขย่า” ตลาดไทยด้วยค่าคอมถูกที่สุดแบบไม่มีกั๊ก?
1) ก่อนจะไปถึงคำตอบ—ต้องเข้าใจก่อนว่า Webull คือใคร?
หลายคนรู้จัก Webull แค่ในฐานะแอปเทรดหุ้นอเมริกา
แต่เบื้องหลังจริง ๆ คือบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินที่ขยายธุรกิจไปแล้วกว่า 14 ประเทศ
และที่น่าสนใจคือ
Webull Corporation ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Webull Thailand จดทะเบียนในตลาด Nasdaq
ทำให้บริษัทต้องยืนบน “ความโปร่งใส” เป็นหลัก ไม่ใช่บนคำโปรยโฆษณา
แอป Webull เทรดได้ตั้งแต่
- หุ้นสหรัฐฯ
- ETF
- ออปชัน
- หุ้นไทย
- DR
- DW
- Warrant
สรุปคือ ประสบการณ์การเทรดที่เราเคยแยกหลายแอป—ถูกรวมมาอยู่ในที่เดียว
2) แล้วทำไมถึง “กล้า” ตั้งค่าคอมฯ ถูกที่สุด?
Webull เลือกที่จะแตะ “โครงสร้างอุตสาหกรรม” โดยตรง ลดค่าคอมถึง 30%* สำหรับ ผู้ที่มีหุ้นไทยและหุ้นสหรัฐฯ มูลค่ารวมกันตั้งแต่ 3,000 USD ขึ้นไป
- ค่าคอมฯ หุ้นไทยจากปกติ 0.04% เหลือเพียง 0.028% ของมูลค่าซื้อขาย
- ค่าคอมฯ หุ้นสหรัฐฯ จากปกติ 0.10% เหลือเพียง 0.07% ของมูลค่าซื้อขาย
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
คำถามคือ… ทำเพื่ออะไร?
คำตอบที่เป็นไปได้ที่สุดคือ
การสร้างมาตรฐานใหม่ในตลาดไทย ผ่านเศรษฐศาสตร์แบบแพลตฟอร์ม (Platform Economics)
บริษัทที่มีฐานผู้ใช้จำนวนมากอยู่แล้ว—สามารถเสนอราคาหรือค่าธรรมเนียมที่แข่งขันได้ในบางตลาด
เพื่อแลกกับการเติบโตระยะยาว และสร้าง ecosystem ระดับภูมิภาค
และนั่นคือสิ่งที่หลายแพลตฟอร์มใหญ่ทำมาแล้ว
ตั้งแต่ Netflix / Amazon / Shopee
ทุกคนล้วน “เริ่มต้นด้วยราคาที่ทำให้ตลาดต้องตั้งคำถาม”
3) แต่ Webull ไม่ได้มากับ “ราคา” อย่างเดียว — มาพร้อม Campaign ที่สะเทือนตลาด
สิ่งที่ทำให้การเปิดตัวครั้งนี้น่าสนใจขึ้นไปอีกขั้นคือ โปรโมชัน 2 ต่อ*
ที่เหมือนบอกกลาย ๆ ว่า “อยากให้คุณลองของจริงก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ”
🎁 ต่อที่ 1: แค่ซื้อหุ้นไทย 1 รายการ → รับ DR หุ้นสหรัฐฯ ฟรี 10 หน่วย รวมสูงสุด 70 หน่วย จาก 7 บริษัท ตั้งแต่ AAPL03, NVDA03, GOOGL03, TSLA03 ไปจนถึง BAC03 และ JNJ03
มูลค่ารวมกว่า 200 บาท
มันไม่ใช่มูลค่าที่สูงมาก
แต่เป็นการ “ชวนนักลงทุนไทยเข้าไปสัมผัสตลาดสหรัฐฯ”
เหมือนเปิดประตูสู่โลกใหม่ให้คนที่เคยชินกับ SET อย่างเดียว
ระยะเวลาแคมเปญ ตั้งแต่ 18 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09:30 น. ถึง 30 ธันวาคม 2568 เวลา 17:30 น.
อ่านเพิ่มเติม https://www.webull.co.th/activity/THstock-trading
🎁 ต่อที่ 2: ส่วนลดค่าคอม 30% สำหรับพอร์ตที่มีสินทรัพย์รวม ≥ 3,000 USD
นี่คือจุดที่สำคัญในเชิงเศรษฐศาสตร์แพลตฟอร์ม
ใครที่ขยายพอร์ตทั้งไทยและสหรัฐฯ → ได้ค่าคอมถูกลงสองตลาดพร้อมกัน
- หุ้นไทย: ปกติ 0.04% → เหลือ 0.028%
- หุ้นสหรัฐฯ: ปกติ 0.10% → เหลือ 0.07%
โดยแคมเปญนี้ให้ระยะเวลาถึง 3 เดือน ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2568 เวลา 00:00 น. ถึง 31 มกราคม 2569 เวลา 23:59 น.
อ่านเพิ่มเติม https://www.webull.co.th/en/activity/commission-discount
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
4) กรอบคิดที่ซ่อนอยู่หลังแคมเปญนี้คืออะไร?
ถ้ามองให้ลึกกว่าแค่โปรโมชัน…
นี่อาจเป็นสัญญาณใหญ่ของอุตสาหกรรมโบรกเกอร์ไทยหลายประการ:
🔎 1) ค่าคอมในไทยอาจถูกลงอย่างเป็นระบบ
เมื่อมีผู้เล่นต่างชาติที่มีต้นทุนต่ำกว่าเข้ามา
โครงสร้างค่าคอมก็มีแนวโน้ม “ปรับตัวตาม” ไม่ใช่อยู่จุดเดิมแบบสิบปีก่อน
🔎 2) การรวมสินทรัพย์หลายตลาดในแอปเดียวจะกลายเป็นมาตรฐาน
คนรุ่นใหม่ไม่อยากใช้ 3–4 แอปสำหรับพอร์ตเดียว
ใครรวมได้ก่อน—คนนั้นชนะ
🔎 3) นักลงทุนไทยกำลังก้าวสู่การเป็น Global Investor มากขึ้น
เพราะ Webull ไม่ได้แค่ลดราคา
แต่กำลัง “ผลัก” ให้คนไทยเห็นจริงว่า การกระจายพอร์ตไปสหรัฐฯ ไม่ได้ยากอีกต่อไป
สรุป Webull ไม่ได้มาแข่งราคา แต่มาแข่ง “โครงสร้างตลาด”
นี่คือเรื่องที่น่าสนใจที่สุด
เพราะถ้าค่าคอมคือสิ่งที่คนไทยพูดถึงในวันนี้
สิ่งที่ตลาดจะพูดถึงในอีก 2 ปีข้างหน้าคือ:
“ใครคือแพลตฟอร์มที่ให้ประสบการณ์เทรดแบบไร้รอยต่อและไร้พรมแดน”
สุดท้ายแล้ว
Webull ไม่ได้เพียงลดค่าคอม
แต่วางตัวเองในฐานะแพลตฟอร์มที่ตั้งคำถามกับสถานะเดิมของตลาดไทย
และในโลกการเงิน—ผู้ที่ตั้งคำถามกับสิ่งที่คนเคยชิน
มักเป็นผู้ที่เปลี่ยนเกมในระยะยาวเสมอ
#Webull #TraderKP #แพลตฟอร์มลงทุน #หุ้นไทย #หุ้นสหรัฐ #หุ้นนอก
📌การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
